จากสถานการณ์ในห้วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา ประเทศไทยในหลายพื้นที่มีปริมาณน้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำอย่างจำกัดและมีโอกาสที่จะเกิดความเสี่ยงต่อการประสบปัญหาภัยแล้ง เนื่องจากปริมาณน้ำไม่เพียงพอสำหรับสนับสนุนได้ในทุกกิจกรรม โดยเฉพาะในภาคการเกษตร
ดร.ธเนศร์ สมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา กล่าวว่า “ที่ผ่านมากรมชลประทานใช้โปรแกรมการวางแผนการใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำ (Reservoir Operation Study) เป็นโปรแกรมหลักในการวางแผนจัดสรรน้ำ โดยคำนวณหาปริมาณความต้องการใช้น้ำชลประทาน เพื่อนำมาวางแผนการจัดสรรน้ำให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำต้นทุน แต่เนื่องจากข้อจำกัดในหลายๆ ด้าน ทั้งภายในตัวโปรแกรมและจำนวนบุคลากรที่มีอย่างจำกัด จึงจำเป็นต้องมี งานวิจัย นวัตกรรม หรือเครื่องมือที่จะเสริมศักยภาพการทำงานให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ “สำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา เป็นองค์กรนำด้านการบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการ ให้ทุกภาคส่วนอย่างเพียงพอ ทั่วถึงและเป็นธรรม โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย” เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการวางแผนและบริหารจัดการน้ำให้ดียิ่งขึ้น”
ทีมนักวิจัยของสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา กรมชลประทาน นำโดยนายมาณพ พรมดี นายพีระพงศ์ รัตนบุรี และนายวชิระ สุรินทร์ จึงได้ต่อยอดนวัตกรรมเพื่อปรับปรุงโปรแกรมวางแผนการบริหารจัดการน้ำเพื่อการชลประทาน (Water Management Planning Program For Irrigation, WaPi) โดยได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยและพัฒนาสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ซึ่งโปรแกรมดังกล่าว จะช่วยลดระยะเวลาในการดำเนินการ ลดข้อผิดพลาดในการทำงาน ลดจำนวนบุคลาการที่ใช้ในการทำงาน และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการ ตามวัตถุประสงค์การใช้น้ำ นายมาณพ พรมดี หัวหน้าทีมวิจัย กล่าวว่า “โปรแกรมการวางแผนการใช้น้ำเดิมที่ใช้อยู่นั้น ยังมีข้อจำกัดในหลายด้านไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจัดการฐานข้อมูล การเลือกช่วงเวลาทำการเพาะปลูก ข้อมูลปริมาณการใช้น้ำอ้างอิงของพืชในอดีตที่ผ่านมา และชนิดพืชที่เพาะปลูก ซึ่งในงานวิจัยนี้จะช่วยในการวางแผนการบริหารจัดการน้ำเพื่อการชลประทานให้สอดคล้องกับสภาพปัจจุบัน ให้เกิดความแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีการพัฒนาระบบให้มีความทันสมัย ลดข้อผิดพลาดและข้อจำกัดต่างๆ รวมถึง ช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างถูกต้องและแม่นยำมากยิ่งขึ้น”
ในส่วนของนายพีระพงศ์ รัตนบุรี ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “โปรแกรมการวางแผนการวางแผนการบริหารจัดการน้ำเพื่อการชลประทาน (Water Management Planning Program For Irrigation, WaPi) ที่ได้มีการต่อยอดพัฒนาตามที่กล่าวมาข้างต้นนั้น มีการปรับเปลี่ยนให้ง่ายต่อการใช้งานและมีการจัดการฐานข้อมูลที่เป็นระบบ นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นที่เพิ่มเข้ามาคือมีการการเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลาง สามารถวางแผนจัดสรรน้ำและใช้ร่วมกับการคาดการณ์ปริมาณน้ำ ช่วยควบคุมปริมาณน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ปฏิบัติการอ่างเก็บน้ำ (Rule Curve) ซึ่งมีความสำคัญต่อการบริหารจัดการอ่างเก็บน้ำเป็นอย่างยิ่ง ”
ทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นว่า โครงการโปรแกรมการวางแผนการวางแผนการบริหารจัดการน้ำเพื่อการชลประทาน (Water Management Planning Program For Irrigation, WaPi) ที่มีการนำเทคโนโลยีมาต่อยอดนวัตกรรมพัฒนาระบบให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นนั้น จะช่วยเพิ่มความมั่นคงของเกษตรกร ให้สามารถทำการเกษตรได้อย่างมั่นคง เพิ่มคุณภาพชีวิตและช่วยลดผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งที่อาจเกิดขึ้นได้