Lost In Georgia!!!
8 วันบนสวรรค์ภาคพื้นโลกมนุษย์ที่ชื่อว่า…จอร์เจีย
จอร์เจีย (Georgia) ชื่อนี้กำลังมาแรงแซงโค้ง เพราะว่ากันว่า ที่นี่คือสรวงสรรค์ภาคพื้นโลกมนุษย์ เมื่อเสียงลือเล่าอ้างกระหึ่มก้องวนเวียนอยู่ในหัว จนอดรนทนไปไหวรีบไปทุบกระบุกออมสินหมูอ้วน ได้ทรัพย์สินมูลค่ามาสี่หมื่นกว่าบาท แล้วกำแน่น ๆ รีบแล่นไปหาเจ้าชายที่มีนามกรว่า โสภณ สาสกุล เงินจำนวนเท่าที่ทุบกระปุกได้มาแค่สี่หมื่นนิด ๆ แต่ท่านพี่โสภณก็พร้อมร่ายเวทย์มนตร์เป่าพรวดเดียว ร่างกายก็หายแว่บจากเมืองไทย วาร์ปหล่นตุ๊บยืนทำเป็นเท่ที่จอร์เจียได้ง่าย ๆ ยิ่งกว่าปลอกกล้วย
ตลอด 8 วัน บนสรวงสวรรค์ภาคพื้นมนุษย์ที่ชื่อว่า …จอร์เจีย ถึงแม้จะแค่ระยะเวลาสั้น ๆ แต่ได้สร้างความทรงจำให้ได้ระลึกถึงได้ยาวปาย ยาวปาย….เข้าขั้นที่ว่า Lost In Georgia!!!
ก็เพราะว่า…จอร์เจียวิวดั่งสวิสฯ ราคาดุจสุรินทร์!!!!
เรื่องราวต่อจากนี้ไป คือสิ่งที่ทำให้รัก ให้หลงสรวงสวรรค์ภาคพื้นโลกมนุษย์ที่ชื่อ…จอร์เจีย
รู้ไว้ใช่ว่า ก่อนเดินหน้าไปจอร์เจีย
-จอร์เจียเป็นประเทศครึ่ง ๆ ครึ่งระหว่างเอเชียกับยุโรป แต่รูปร่างหน้าตาประชาชีนั้นค่อนไปทางยุโรปแบบเต็มร้อย
-จอร์เจียตั้งอยู่บนจุดตัดระหว่างเอเชียฝั่งตะวันตกและยุโรปฝั่งตะวันออก มีชายฝั่งติดกับทะเลดำ (Black Sea) และอยู่ใต้แนวเทือกเขาคอเคซัส (Caucasus Mountains)
-จอร์เจียมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานถึง 2 พันกว่าปี ผ่านการปกครองโดยชนชาติต่างๆ ตั้งแต่ชาวอาหรับ เติร์ก เปอร์เซียและมองโกล จนกระทั่งในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 จอร์เจียกลายเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต ก่อน ช่วงหลังสงครามเย็นได้แยกตัวออกมาเป็นสาธารณรัฐจอร์เจีย เป็นไทตั้งแต่ครั้งกระนั่นสืบมา
-จอร์เจียมีอาณาเขตทางเหนือติดกับรัสเซีย และทางตะวันตกติดกับทะเลดำและตุรกี มีเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดชื่อ กรุงทบิลิซิ (Tbilisi) ตั้งอยู่ในหุบเขาซึ่งถูกแบ่งโดยแม่น้ำมิตควารี (Mtkvari)
-ด้านการท่องเที่ยว จอร์เจียกำลังเนื้อหอมสุด ๆ เพราะค่าครองชีพถูกสุด ๆ เมื่อเทียบกับฝั่งยุโรป มีแหล่งโบราณคดีมากกว่า 12,000 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งในจำนวนนี้ มี 4 แห่งด้วยกันที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก
-คนไทยไม่ต้องทําวีซ่า และอยู่เที่ยวได้ ยาวปาย ยาวปาย 365 วัน (บร๊ะเจ้า)
-สกุลเรียกว่า “ลารี่” (GEL) (1 ลารี่ ประมาณ 10 บาท)
– ภาษาที่ใช้คือ ภาษาจอร์เจีย เเละรัสเซียที่ใช้อย่างแพร่หลาย ภาษาอังกฤษคนพูดได้บ้าง แต่ไม่มาก
-ค่าครองชีพ ไม่แตกต่างกับประเทศไทย แต่ราคาค่าอาหารค่อนข้างถูก
-มาจอร์เจียแล้วไม่ได้ลิ้มรสชาติไวน์ อาจถือว่ามาไม่ถึง การดื่มไวน์เป็นวัฒนธรรมที่คนจอร์เจียสุดแสนจะภูมิใจ ในบาร์ไวน์ ไวน์ขาวราคาจะเริ่มต้นเพียงแก้วละ 30 บาท ในขณะที่ไวน์คุณภาพดีที่สุดในร้านราคาเพียง 150 บาทต่อแก้ว (WOW มักๆ)
-นี่คือประเทศหนึ่งเดียวที่ซึมซับอดีตของชาติพันธุ์ผ่านงานศิลปะ สถาปัตยกรรมต่างยุค ทั้งจอร์เจียน อาร์เมเนียน โรมัน และออตโตมัน ที่มีทำเลอยู่ในอ้อมกอดของธรรมชาติขุนเขางดงามราวสรวงสวรรค์
ได้เวลามา Lost In Georgia มาหลงกัน มาหลงกัน
ทบิลีซี เมืองแปลกประหลาดแต่มากไปด้วยมนต์เสน่ห์
ทบิลีซี (Tbilisi) เป็นเมืองหลวงของจอร์เจีย มีนักประพันธ์มีชื่ออันเอกอุท่านหนึ่งได้ให้นิยามเมืองนี้ไว้ว่า “เป็นเมืองที่แปลกประหลาดและมีเสน่ห์ชวนหลงใหล”
ทบิลิซีมีความหมายว่าความร้อน, ความอบอุ่น ตามตำนานเล่าว่า สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 4 กษัตริย์วาคตัง จอร์กาซาลี (Vakhtang Gorgasali) แห่งประเทศจอร์เจีย ได้พบเจอเมืองนี้โดยบังเอิญจากเหตุที่พระองค์เสด็จล่าสัตว์ในวันนั้นพระองค์สามารถล่าไก่ฟ้าได้ และไก่ฟ้าตัวนั้นได้ตกลงมาตายในบริเวณที่มีบ่อน้ำพุร้อนอยู่เป็นจำนวนมาก พระองค์เห็นแล้วรู้สึกประทับใจในสถานที่แห่งนั้นเป็นพิเศษจึงได้สร้างเป็นเมืองขึ้นมา จนกระทั่งเมื่อพระโอรสของพระองค์ได้เสด็จขึ้นครองราชย์ ก็ได้ทรงย้ายเมืองหลวงจากเมืองมิชเคตา (Mtskheta) ที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 25 กิโลเมตรมาอยู่ที่เมืองทบิลิซีแห่งนี้
บิลิซีมีพื้นที่ราว 726 ตารางกิโลเมตรเท่านั้นเอง แต่อุดมไปด้วยเสน่ห์อันแปลกประหลาด จะน่าลงไหลขนาดไหน ต้องไปพิสูจน์
โบสถ์เมเตคี (Metekhi Cathedral)
นี่คือจุดเริ่มต้นมนต์เสน่ห์ของเมือง โบสถ์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำคูรา (Kura) หรืออีกชื่อหนึ่งคือแม่น้ำมิทควารี (Mtkvari) และอยู่ตรงข้ามกับเขตเมืองเก่า (Old Town Tbilisi) รวมไปถึงป้อมนาริกาลา (Narikala Fortress)
จุดเด่นของโบสถ์แห่งนี้คือสามารถมองเห็นสถานที่เที่ยวต่าง ๆ ในละแวกนั้นได้อย่างชัดเจนแล้วโบสถ์แห่งยังคงความขลัง มีความเก่าแก่ ความอลังการของรูปปั้นของกษัตริย์วาคตัง จอร์กาซาลี (Vakhtang Gorgasali) ผู้ค้นพบเมืองนี้
หมายเหตุ ณ ที่แห่งนี้คือจุดถ่ายรูปอันแสนวิเศษของเมืองทบิลิซี จะแชะมุมไหนก็สวยไปหมด
คำเตือนสายแชะ ต้องเผื่อเวลา และพกพาเมมโมรี่การ์ดมาให้เพียงพอต่อความสวย
ป้อมนาริกาลา
ป้อมปราการนาริกาลา (Narikala Fortress) เป็นป้อมปราการที่ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 เพื่อปกป้องเมืองทบิลิซีแห่งนี้ โดยชื่อ Nari-Kala นั้นเป็นภาษาเปอร์เซีย แปลว่า “ป้อมที่ไม่สามารถตีแตกได้”
การขึ้นไปยังป้อมนาริกาลานั้นพวกสายชิลแอนด์สตรอง เหมาะแก่การเดินขึ้นเป็นยิ่งนัก
ส่วนสาย สว. แนะนำให้ไปนั่งกระเช้าจากสถานีสวน Rike ที่ ใช้เวลานั่งแค่ 3-4 นาที
กระเช้าเริ่มเปิดบริการตั้งแต่เวลา 12.00 น. จนถึง 24.00 น.
Mother of a Georgian
หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Kartlis Deda เป็นรูปปั้นหญิงสาวสูง 20 เมตรบนยอดเขาโซโลลากิ (Solo Laki Hill)โดยรูปปั้นนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1958 เพื่อฉลองนครทบิลิซีอายุครบ 1,500 ปี และเป็นรูปปั้นที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณและนิสัยของคนจอร์เจียได้เป็นอย่างดี มือข้างหนึ่งของรูปปั้นจะถือดาบ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งจะถือแก้วไวน์ ซึ่งมีความหมายว่าหากใครที่มาเยือนจอร์เจียแบบศัตรูเธอจะใช้ดาบในมือขวาฟาดฟันให้แดดิ้น แต่หากใครที่มาเยือนอย่างมิตรไมตรี เธอจะต้อนรับด้วยไวน์ในมือซ้ายอย่างอบอุ่น
การขึ้นไปชม Mother of a Georgian นั้น สามารถขึ้นไปได้ 2 วิธีคือการเดินและการนั่งกระเช้า
สะพานสันติภาพ (The Bridge of Peace
เป็นสะพานที่มีความยาว 150 เมตร ใช้ข้ามแม่น้ำคูราระหว่างตัวเมืองเก่าและตัวเมืองใหม่ของทบิลิซี โครงสร้างหลักของสะพานแห่งนี้ทำมาจากเหล็กและกระจกใส มีการเปิดใช้งานครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2010
นี่คือสถาปัตยกรรมที่โมเดิร์นสุด ๆ ของจอร์เจียเขาล่ะ และตอนก็กลายมาเป็นจุดไฮไลท์ของเมืองบิลิซี ใคร ๆ ก็ต้องมาถ่ายรูปกัน
Sulphur Baths
การอาบน้ำแร่เป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมของชาวทบิลิซี เนื่องจากที่ตั้งเมืองเป็นจุดที่มีน้ำแร่ซัลเฟอร์อยู่มากมาย โดยปัจจุบันมีโรงอาบน้ำเก่าแก่ ที่สร้างขึ้นนับจากศตวรรษที่ 17 ให้นักท่องเที่ยวได้ทดลองประสบการณ์แปลกใหม่
มหาวิหารซาเมบา (Sameba)
หรือ Holy Trinity Cathedral of Tbilisi เป็นโบสถ์ออร์โธด็อกซ์ที่มีความสวยงาม อลังการมหึมา ว่ากันว่ามีขนาดที่ใหญ่ที่สุด และสำคัญที่สุดของประเทศจอร์เจีย โบสถ์แห่งนี้ถือว่าเป็นโบสถ์อีสเทิร์นออร์โธด็อกซ์ (Eastern Orthodox) ที่สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก
Tabor Monastery เป็นโบสถ์
หรือวิหารขนาดเล็กแต่ก็มีจุดเด่นที่น่าสนใจตรงทำเลที่ตั้งอยู่บนยอดเขาสูง ทำให้สามารถมองเห็นวิวเมืองทบิลิซีได้อย่างสุดลูกหูลูกตา
ช่างภาพสานแลนด์ (Cityscape) ถ้าไม่มาถือว่าพลาดอย่างแรง การเดินทางมายังวิหารแห่งนี้จะสามารถมาได้ 2 วิธีหลัก ๆ ก็คือ เดินเท้าจากโรงอาบน้ำ (Sulphur Bath) ขึ้นเขาไปเรื่อยๆ โดยจะใช้เวลาในการเดินประมาณ 30 นาที วิธีที่สองนั่ง Taxi
The Chronicle of Georgia
นักท่องเที่ยวต่างยกให้ที่นี่เป็นไฮไลท์ของเมืองทบิลิซี เพราะเต็มไปด้วยมนต์ขลัง และสุดอลังการของอนุสรณ์ทางประวัติศาสตร์ของประเทศจอร์เจียแห่งนี้ ตั้งอยู่บนภูเขาสูง โดดเด่นด้วยเสา 16 ต้น โดยเสา 16 ต้นที่ว่านี้จะทำหน้าที่เล่าถึงเรื่องราวต่าง ๆ ของประเทศจอร์เจีย เสาหินแต่ละต้นมีขนาดใหญ่มากกว่า 10 คนโอบ มีความสูง 35 เมตร
The Chronicle of Georgia ได้ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1985 ในสมัยที่ประเทศจอร์เจียยังอยู่ภายใต้การปกครองของประเทศรัสเซียอยู่ โดยผู้ที่เริ่มสร้างก็คือชาวจอร์เจียที่ชื่อว่า Zurab Tsereteli แต่ด้วยเหตุผลหลาย ๆ อย่างก็เลยทำให้ปัจจุบันนี้ The Chronicle of Georgia ก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ดี แต่ความยิ่งใหญ่อลังการนั้นต้องบอกว่าสุด ๆ ไป เลย และนี่คืออีกหนึ่งจุดไฮไลท์ของเมืองบิลิซีที่ห้ามพลาด
เมืองมิสเคต้า ยลเมืองหลวงเก่า
เมืองมิสเคต้า (Mtskheta) เป็นเมืองหลวงแห่งแรกของประเทศจอร์เจีย ในสมัยอาณาจักรไอบีเรีย (Kingdom of Iberia) ซึ่งเป็นราชอาณาจักรของจอร์เจียในช่วง 500 ปีก่อนคริสตกาล ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือห่างจากกรุงทบิลิซี ประมาณ 20 กม. เมืองนี้ถือได้ว่าเป็นเมืองที่มีความเก่าแก่ทางประวัติศาสตร์แห่งหนึ่งของประเทศ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1994 ซึ่งมีสถานที่ทางประวัติศาสตร์ให้ตื่นตามากมายหลายแห่ง เริ่มกันที่
โบสถ์สเวติสเคอเวรี
โบสถส์เวติสเคอเวรี (Svetitkhoveli Cathedral) ซึ่งคำว่า sveti หมายถึง “เสา” และ tskhoveli หมายถึง “ชีวิต” เรียกง่าย ๆ รวมกันก็คือวิหารเสามีชีวิต สร้างราวศตวรรษที่ 11 เป็นศูนย์กลางทางศาสนาที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของจอร์เจีย สร้างขึ้นโดยสถาปนิกชาวจอร์เจีย ชื่อ Arsukisdze มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางที่ทำให้ชาวจอร์เจียเปลี่ยนความเชื่อและหันมานับถือศาสนาคริสต์และให้ ศาสนาคริสต์มาเป็นศาสนาประจำชาติของจอร์เจียเมื่อปี ค.ศ.337
นี่คือสิ่งก่อสร้างยุคโบราณที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศจอร์เจีย ภายในจะมีภาพเขียนสีเฟรสโก้สวยสดงดงาม ในตำนานประวัติศาสตร์ของโบสถ์แห่งนี้ได้ถูกจารึกไว้ว่า เป็นที่ฝังศพของนักบุญ St. Sidonia และเชือกที่มัดทรมารพระเยซู หลังจากพระเยซูทรงสิ้นพระชนม์แล้ว Elias เป็นผู้นำเชือกที่มัดพระองค์มาจากทหารโรมันแล้วนำมาที่นี่ ต่อมาพี่สาวของเขาที่ชื่อ Sidonia ได้มาจับที่เชือกเส้นนี้ ทำให้เธอขาดใจตายในทันที และไม่สามารถแกะเชือกออกจากมือเธอได้ เธอจึงถูกฝังไปพร้อมเชือก หลังจากนั้นก็ได้เริ่มสร้างโบสถ์ที่บริเวณหลุมศพของเธอแต่มีต้นซีดาร์ขึ้นมากมาย จากนั้นนักบุญนีโน่จึงเลือกสถานที่ ๆ จะสร้างวิหารนี้โดยใช้เสาไม้ซีดาร์ 7 ต้นทำเป็นโค้งเสาของโบสถ์แต่มีเรื่องมัหศจรรย์เกิดขึ้นคือเสาต้นที่ 7 ลอยขึ้นไปในอากาศ
เรื่องนี้ก็ร้อนถึงนักบุญนีโน่ ท่านจึงได้เดินทางมาสวดมนต์ภาวนาตลอดทั้งคืน ในที่สุดเสาต้นที่ 7 ก็ตกลงมาสู่พื้นดิน ทำให้การก่อสร้างดำเนินต่อไปได้จนสำเร็จ จึงได้ชื่อว่าวิหารแห่งเสาที่มีชีวิต และโบสถ์แห่งนี้ยังได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเป็นที่เรียบร้อย
วิหารจวารี โบสถ์แห่งไม้กางเขนอันศักดิ์สิทธิ์
วิหารจวารี (Jvari Monastry) สถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวจอร์เจียนับถือสูงสุด โบสถ์แห่งนี้เป็นโบสถ์ของศานาคริสต์นิกายออโธด๊อก สร้างขึ้นเมื่อคริสตวรรษที่ 6 ภายในโบสถ์มีไม้กางเขนขนาดใหญ่ ซึ่งชาวเมืองกล่าวกันว่า นักบุญนีโน่ หรือแม่ชีนีโน่ แห่งคัปปาโดเกีย ได้นำไม้กางเขนนี้เข้ามาพร้อมกับการเผยแพร่ศาสนาคริสต์เป็นครั้งแรกในช่วงโบราณกาล
ป้อมอนานูริ
ป้อมอนานูริ (Ananuri Fortress) ป้อมปราการเก่าแก่ สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16-17
เมื่อขึ้นมาข้างบเราจะได้ชมความงดงามของโบสถ์สองหลังของคริสตจักรชาวเวอร์จิน จากมุมสูงของป้อมปราการแห่งนี้ นอกจากนี้ยังจะได้มองเห็นทัศนียภาพอันงดงามของ อ่างเก็บน้ำซินวาลี (Zhinvali) แหล่งเก็บน้ำของชาวเมืองทบิลิซี และวิวภูเขาที่ล้อมรอบสถานที่แห่งนี้ไว้อย่างงดงาม ถ่ายรูปแบบลืมเหนื่อยกันไปเลย
อนุสาวรีย์มิตรภาพรัสเซีย-จอร์เจีย
เป็นสถาปัตยกรรมขนาดใหญ่ตั้งอยู่ระหว่างทางข้ามเทือกเขาคอเคซัส บนทางหลวงสายทหารระหว่างเมือง เมือง Gudauri กับเมือง Kazbegi สร้างขึ้นเมื่อ 1983 เนื่องในโอกาสครบรอบ 200 ปี สนธิสัญญาจอร์เจียกับรัสเซีย ทำให้จอร์เจียเป็นส่วนหนึ่งในจักรวรรดิรัสเซียตั้งแต่นั้นมา สถาปัตยกรรมนี้เป็นศิลปะแบบโซเวียต ตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสก แสดงอัตลักษณ์ของทั้งสองประเทศ มีภาพกษัตริย์ ราชินี นิทานปรัมปรา และวิถีชีวิตของผู้คน
เมืองกูดาอุรี
เมืองกูดาอูรี (Gudauri) เป็นเมืองท่องเที่ยว ที่โด่งดังในเรื่องสกีรีสอร์ท ตั้งอยู่บริเวณที่ราบเชิงเขาของเทือกเขาคอเคซัส มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,100 เมตร สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งที่พักผ่อนเล่นสกีในช่วงเดือนธันวาคม ถึง เดือนเมษายน ซึ่งจะมีหิมะปกคลุมอยู่ตลอดเวลา ระหว่างทางสามารถชมทิวทัศน์อันสวยงามได้
เมืองคาซเบกี้
เมืองคาซเบกี้ (Kazbegi) หรือ เมืองสเตปันสมินดา (Stepansminda) ชื่อนี้เพิ่งเปลี่ยนเมื่อปี 2006 หลังจากนักบุญนิกายออร์โธด๊อก ชื่อสเตฟาน ได้มาพำนักอาศัย และก่อสร้างสถานที่สำหรับจำศีลภาวนาขึ้น เมืองนี้อยู่ห่างจากเมืองหลวงทบิลิซี ประมาณ 157 กิโลเมตร เป็นเมืองเล็ก ๆ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเทอร์กี้ ถือเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวบนเทือกเขาคอเคซัส (Caucasus) ที่สำคัญของประเทศจอร์เจีย มีภูมิทัศน์ที่สวยงามโดยรอบ รวมทั้งเป็นจุดชมวิวของยอดเขาคาซเบกี้อีกด้วย
โบสถ์เกอร์เกตี
โบสถ์เกอร์เกตี (Gergeti Trinity Church) โบสถ์เก่าแก่อายุกว่า 600 กว่าปีที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในโบสถ์ที่สวยงามที่สุดในโลก ตั้งอยู่บนเขาคัสเบกี (Kazbegi) ที่ความสูงกว่า 2170 เมตรจากระดับน้ำทะเล เป็นภูเขาที่อยู่ทางภาคเหนือของประเทศจอร์เจีย (Georgia) มองลงไปจะเห็นเมืองเล็กๆ ชื่อคัสเบกี (Kazbegi) นอกเหนือจากความสำคัญในฐานะศาสนสถานแล้ว โบสถ์เกอร์เกตียังทำหน้าที่เป็นสถานที่หลบภัยอีกด้วย
ตลอดประวัติศาสตร์อันยาวของจอร์เจียที่เต็มไปด้วยการถูกรุกราน โบสถ์แห่งนี้จะกลายเป็นที่ซ่อนสมบัติล้ำค่าและวัตถุที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของจอร์เจีย ที่ตั้งของเกอร์เกตีทำให้การที่ศัตรูจะบุกขึ้นไปถึงตัวโบสถ์นั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย นอกจากความสำคัญทั้งทางศาสนาและประวัติศาสตร์แล้ว โบสถ์เกอร์เกตียังเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในฐานะหนึ่งในโบสถ์ที่สวยที่สุดในโลกอีกด้วย
ในปี 2018 หนังสือพิมพ์เดอะเทเลกราฟ (The Telegraph) ได้จัดให้โบสถ์เกอร์เกตีเป็นโบสถ์ที่สวยเป็นอันดับที่ 6 จากโบสถ์ทั่วโลก โบสถ์เกอร์เกตีประกอบไปด้วยตัวโบสถ์ที่เรียบง่าย ตั้งคู่กับหอระฆังที่สร้างขึ้นพร้อม ๆ กับตัวโบสถ์ในศตวรรษที่ 14 สาเหตุที่ทำให้โบสถ์เกอร์เกตีได้ชื่อว่าเป็นโบสถ์ที่สวยที่สุดในโลกแห่งหนึ่งเป็นเพราะเทือกเขาคอเคซัสที่ตั้งตระหง่านเป็นฉากหลัง หิมะและใบหญ้าบนยอดเขาแต่งแต้มจนดูราวกับว่าโบสถ์หลังนี้เป็นหัวใจของภาพวาดที่จับต้องได้ขนาดมหึมา
การเดินทางขึ้นไปที่โบสถ์เกอร์เกตีนั้นสามารถทำได้สองวิธี วิธีแรกคือนั่งแท็กซี่ขึ้นไป วิธีที่สองคือเดินไปตามเส้นทางเดินเขาที่สองข้างเป็นทัศนียภาพที่สวยงามราวกับว่าหลงเข้าไปในดินแดนเทพนิยาย
Gori บ้านเกิดของ โจเซฟ สตาลิน
เป็นบ้านเกิดของผู้นำระดับโลก และห้ามพลาดคือการเข้าชม Stalin Museum เมื่อมาเมืองนี้ นอกจากนี้ยังมีสถานที่ห้ามพลาดนั้นก็คือ
ป้อมปราการ Gori
เป็นป้อมเก่าแก่ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง ซึ่งทำให้สามารถมองเห็นพื้นที่ด้านล่างได้ แต่ตัวป้อม ไม่ค่อยมีอะไรให้ชมนัก แม้จะได้รับการบูรณะได้ดี แต่เมื่อขึ้นไปบนป้อมจะเห็นวิวเมืองด้านล่างที่สวยงาม เหมาะกับการถ่ายภาพและชมวิว
เมืองบอร์โจมี
เบอร์โจมี (Borjomi) เมืองตากอากาศเล็กๆ ในหุบเขาทางตอนใต้ของประเทศจอร์เจีย เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงระดับโลกในเรื่องของน้ำแร่ธรรมชาติ โดยน้ำแร่ยี่ห้อบอร์โจได้มีการบรรจุ ณ ธารน้ำแร่บริสุทธิ์ที่ไหลรินจากยอดเขาบาคุเรียนี (Bakuriani Mountain) โดยในอดีตชาวเมืองได้เชื่อว่าถ้าได้ดื่มธารน้ำแห่งนี้ จะทำให้มีสุขภาพแข็งแรงและสามารถรักษาโรคร้ายได้
สถานที่ท่องเที่ยวของเมืองนี้จะมีชื่อเสียงในเรื่องความงามของธรรมชาติ มีสถานที่ต้องห้ามพลาดอาทิ อุทยานแห่งชาติ Borjomi-Kharagauli ตั้งอยู่ในเทือกเขา Lesser Caucasus เป็นอุทยานที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของจอร์เจีย ครอบคลุมพื้นที่กว่า 851 ตารางกิโลเมตร ก่อตั้งขึ้นในปี 1995 และเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2001
มีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ความหลากหลายทางชีวภาพทั้งพืชและสัตว์ป่า และวิวทิวทัศน์ที่งดงามราวกับภาพวาด ทำให้มาท่องเที่ยวอุทยานแห่งนี้ได้ตลอดทั้งปี นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสธรรมชาติผ่านเส้นทางเดินป่า ทั้งระยะสั้นไม่กี่ชั่วโมงไปจนถึงยาวนานหลายวัน ซึ่งตลอดทางมีที่ตั้งแคมป์และปิกนิกให้เลือกพักผ่อน
ถึงแม้จะมีช่วงเวลาแค่สั้น ๆ แต่ทุกเรื่องราว ที่เกิดขึ้นในดินแดนสรวงสวรรค์ในภาคโลกมนุษย์ที่ชื่อว่า…จอร์เจียแห่งนี้ มันช่างประทับใจ ที่เข้าขั้นว่าหลงใหลเข้าให้แล้ว นี่สินะที่เขาเรียกว่า…. Lost In Georgia
ถ้าอยากมีอารมณ์ Lost In Georgia ทำได้ง่ายแค่โทรศัพท์ไปหาผู้ชายที่ชื่อว่าโสภณ สาสกุล โทร.08 1807 0801 ( ในความร่วมมือกับบริษัท ดรีม เดสติเนชั่น ทัวร์)